วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โรควุ้นลูกตาเสื่อม

เมื่อเร็วๆ นี้ มีอี-เมลลูกโซ่แจ้งเตือนบรรดาผู้ที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ระบุว่า ขณะนี้มีคนไทยป่วยเป็นโรควุ้นลูกตาเสื่อมถึง 14 ล้านคน และบอกว่า สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการใช้สายตามากเกินไปจากการใช้คอมพิวเตอร์ ทั้งจากการก้มเงยมองจอและแป้นพิมพ์ การใช้เม้าส์เลื่อนบรรทัด การปรับแสงหน้าจอที่สว่างจ้าเกินไป ฯลฯ ซึ่งหากเป็นมากกว่านั้น อาจถึงขั้นประสาทตาฉีกขาดได้ สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรรศ.นพ.วิชัย ประสาทฤทธา หัวหน้าหน่วยจอประสาทตา ภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงโรควุ้นลูกตาเสื่อมว่า โรคนี้เกิดจากน้ำวุ้นตาบริเวณหลังเลนส์ตาเสื่อม ทำให้น้ำวุ้นตาไม่ใสเหมือนปกติ จนส่งผลให้เหมือนมีคราบดำๆ ลอยไปลอยมาที่ดวงตา แต่อาการดังกล่าว ไม่อันตรายจนถึงขั้นตาบอด แค่อาจทำให้เกิดความรำคาญเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องกังวลคือ โรคนี้หากเกิดอาการของจอประสาทตาเสื่อมร่วมด้วย ก็จำเป็นต้องรักษา เพราะอาจส่งผลต่อการมองเห็นได้ รศ.นพ.วิชัยกล่าวอีกว่า โรควุ้นลูกตาเสื่อมเกิดจากความเสื่อมตามธรรมชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้สายตาจ้องมองคอมพิวเตอร์นานๆ แต่จะเกี่ยวข้องกับความเสื่อมตามอายุ โดยพบมากในอายุ 40 ปีขึ้นไป รวมทั้งในผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นมากๆ เนื่องจากจะทำให้เส้นเลือดตาขยายใหญ่ขึ้นจนก่อให้เกิดความเสื่อมนั่นเอง นอกจากนี้ ยังพบในกลุ่มคนที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดโรคความเสื่อมที่ลูกตาได้

ที่มา http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1281427

ไม่มีความคิดเห็น: